ดีปลี ยาดี สรรพคุณเด่น
พืชน่ารู้ที่เราได้ขอนำเอาข้อมูลมาฝากทุกท่านกันในครั้งนี้เป็นพืชสมุนไพรที่มีความน่าสนใจเป็นอย่างมาก เพราะมันมีสรรพคุณที่โดดเด่นทางด้านการแก้ไอ และแก้ท้องอืด โดยพืชที่เรากล่าวถึงนั่นก็คือ ดีปลี พืชผักสมุนไพรที่สามารถปลูกเป็นพืชเศรษฐกิจได้อีกตัวหนึ่งนั่นเอง
ดีปลีนิยมนำมาใช้แทนเทศอย่างพริกและพริกไทยเพราะดีปลีก็เป็นพืชที่มีรสชาติเผ็ดเช่นเดียวกัน
ดีปลี เป็นพืชพื้นเมืองของทางเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยมันเป็นไม้เลื้อยที่มีรากออกมาตามข้อเพื่อใช้ในการยึดเกาะ ซึ่งดีปลีนี้ได้มีการปลูกเพื่อเป็นการค้ามาเป็นเวลาช้านานแล้ว เพราะมันเป็นส่วนหนึ่งที่ใช้ในอุตสาหกรรมยาโบราณ โดยแหล่งที่ผลิตกันมากจะอยู่ทางภาคกลาง อันได้แก่ กาญจนบุรี นครปฐม จันทบุรี ฯลฯ ซึ่งดีปลีนั้นจะชอบสภาพฝนสม่ำเสมอ แต่ถึงกระนั้นมันก็สามารถทนแล้งได้ดี ดินสำหรับที่จะใช้ปลูกก็ควรที่จะร่วยซุยเพื่อไม่ให้น้ำท่วมขัง เนื่องจากถ้าน้ำท่วมขังอาจจะทำให้รากเน่าได้ พืชชชนิดนี้จะเติบโตได้ดีทั้งในที่ที่แดดจัดและแดดรำไร โดยดีปลีนี้ผู้คนทางภาคใต้และภาคเหนือมักนำมาใช้สำหรับประกอบอาหารในลักษณะเครื่องเทศเพื่อใช้แทนพริกไทยและพริก
วิธีการปลูกดีปลี
การปลูก ดีปลี ควรปลูกในช่วงต้นฤดูฝน โดยการปลูกจะต้องเตรียมค้างลักษณะคล้ายกับค้างพริกไทย เกษตรกรในอดีตส่วนใหญ่มักใช้เสาค้างไม้ขนาดเส้นผ่าศูนกลาง 10-15 ซม. แต่ในปัจจุบันมักจะใช้เสาคอนกรีตขนาด 15×15 ซม. สูง 2.5 เมตร แทนทั้งนี้ก็เพราะมันหาง่าย ทนทาน เพราะดีปลีเป็นพืชที่มีอายุยาวนานจึงควรใช้ค้างที่มีความคงทนจะได้ไม่ต้องเปลี่ยนใหม่กันบ่อยๆ เพราะจะทำให้ต้นดีปลีเกิดความเสียหายในช่วงที่เปลี่ยนค้างได้ โดยระยะปลูกจะใช้ที่ 1.20×1.20 เมตร และให้ขุดหลุมขนาด 50x50x50 ซม. ซึ่งดินที่ใส่ในหลุมให้ใช้หน้าดินผสมปุ๋ยอินทรีย์ในอัตราส่วน 1:5 แล้วนำดีปลีลงปลูก เมื่อปลูกเสร็จต้องบังแดดให้มันด้วยโดยการใช้ทางมะพร้าวมาคลุม
ดีปลีเป็นพืชเถาล้มลุกที่มีอายุยืนและปลูกง่าย
การปลูกมะนาวในบ่อซีเมนต์
การปลูกมะนาวในบ่อซีเมนต์ เป็นอีกแนวทางเลือกหนึ่งของเกษตรกรที่ต้องการให้มะนาวสามารถออกลูกนอกฤดู และง่ายต่อการจัดการ เนื่องจากการปลูกในบ่อซีเมนต์สามารถปลูกให้มีขนาดทรงพุ่มเท่ากับการปลูกใน แปลงดินได้ และง่ายต่อการงดน้ำเพื่อบังคับให้ออกลูกนอกฤดู
พันธุ์มะนาวที่แนะนำให้ปลูก ได้แก่ มะนาวแป้น มะนาวแป้นพันธุ์พิจิตร และพันธุ์อื่นๆ
ข้อดีการปลูกมะนาวในบ่อซีเมนต์
1. สามารถบังคับให้มะนาวออกลูกนอกฤดูหรือตลอดทั้งปีได้ง่าย
2. ไม่เปลืองแรงงานหรือเกิดค่าใช้จ่ายในการเตรียมแปลงหรือปรับพื้นที่
3. ง่ายต่อการดูแล และการให้น้ำมีประสิทธิภาพ
4. ป้องกันโรคบางชนิดได้ง่ายจากสภาพดินที่ไม่เหมาะสม
5. เหมาะสำหรับการปลูกไว้รับประทานเองหรือเพื่อส่งจำหน่าย
6. สามารถใช้เป็นไม้ประดับได้อีกทาง
1. สามารถบังคับให้มะนาวออกลูกนอกฤดูหรือตลอดทั้งปีได้ง่าย
2. ไม่เปลืองแรงงานหรือเกิดค่าใช้จ่ายในการเตรียมแปลงหรือปรับพื้นที่
3. ง่ายต่อการดูแล และการให้น้ำมีประสิทธิภาพ
4. ป้องกันโรคบางชนิดได้ง่ายจากสภาพดินที่ไม่เหมาะสม
5. เหมาะสำหรับการปลูกไว้รับประทานเองหรือเพื่อส่งจำหน่าย
6. สามารถใช้เป็นไม้ประดับได้อีกทาง
ข้อเสีย
1. มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในส่วนของบ่อซีเมนต์
2. อายุของต้นมะนาวสั้นกว่าการปลูกในแปลงดินแต่ไม่แตกต่างกันมาก
1. มีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้นในส่วนของบ่อซีเมนต์
2. อายุของต้นมะนาวสั้นกว่าการปลูกในแปลงดินแต่ไม่แตกต่างกันมาก
วัสดุอุปกรณ์
1. บ่อซีเมนต์
บ่อซีเมนต์ที่ขายในท้องตลาดมีหลายขนาด ตั้งแต่เส้นผ่าศูนย์กลาง 80-120 เซนติเมตร สูง 40-60 เซนติเมตร แต่ที่นิยมคือ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 80 เซนติเมตร สูง 40-50 เซนติเมตร พร้อมฝาปิดบ่อ ทั้งนี้ อาจไม่ต้องใช้ฝาปิดบ่อก็ได้หากพื้นที่มีสภาพหน้าดินแน่น และแห้ง สามารถระบายน้ำดี
1. บ่อซีเมนต์
บ่อซีเมนต์ที่ขายในท้องตลาดมีหลายขนาด ตั้งแต่เส้นผ่าศูนย์กลาง 80-120 เซนติเมตร สูง 40-60 เซนติเมตร แต่ที่นิยมคือ ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 80 เซนติเมตร สูง 40-50 เซนติเมตร พร้อมฝาปิดบ่อ ทั้งนี้ อาจไม่ต้องใช้ฝาปิดบ่อก็ได้หากพื้นที่มีสภาพหน้าดินแน่น และแห้ง สามารถระบายน้ำดี
2. ดิน
เนื่องจากดินที่ใช้มีปริมาณมากกว่าการปลูกมะนาวในกระถาง อัตราส่วนการผสมจึงอาจแตกต่างกันได้ตามงบประมาณการลงทุน โดยใช้ดินร่วนหรือดินร่วนปนทรายผสมกับมูลสัตว์ แกลบหรือผสมวัสดุอื่น เช่น ขี้เถ้า กากมะพร้าว เป็นต้น ในอัตราส่วนดินต่อวัสดุอื่น 2:1 หรือ 3:1 พร้อมผสมด้วยปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 ปริมาณ 10 กิโลกรัม/ดิน 1 คิว
เนื่องจากดินที่ใช้มีปริมาณมากกว่าการปลูกมะนาวในกระถาง อัตราส่วนการผสมจึงอาจแตกต่างกันได้ตามงบประมาณการลงทุน โดยใช้ดินร่วนหรือดินร่วนปนทรายผสมกับมูลสัตว์ แกลบหรือผสมวัสดุอื่น เช่น ขี้เถ้า กากมะพร้าว เป็นต้น ในอัตราส่วนดินต่อวัสดุอื่น 2:1 หรือ 3:1 พร้อมผสมด้วยปุ๋ยเคมีสูตร 15-15-15 ปริมาณ 10 กิโลกรัม/ดิน 1 คิว
3. กิ่งพันธุ์มะนาวตอน
4. ไม้ไผ่ และเชือกฟาง
การปลูก
1. จัดวางฝาปิดบ่อซีเมนต์ในระยะห่างระหว่างแถว และระหว่างต้นในระยะ 2-4 x 2-4 เมตร พร้อมนำบ่อซีเมนต์วางทับด้านบน 1 ไร่ จะได้ประมาณ 100-400 ต้น ตามระยะที่ใช้
2. นำดินที่ผสมแล้วใส่ในกระถาง ให้ระดับดินต่ำกว่าขอบบ่อประมาณ 10 เซนติเมตร ให้ใส่ดินประมาณ 2 ใน 3 ของบ่อ แล้วนำต้นมะนาวลงบ่อ แล้วจึงใส่ดินกลบทีหลังหรืออาจใส่ดินให้ได้ระดับก่อนค่อยขุดหลุมปลูกทีหลังก็ได้ โดยนำถุงพลาสติกหรือกระถางออกก่อนปลูกทุกครั้ง หลังจากนั้นกลบหน้าดินใหแน่นพอประมาณ พร้อมนำวัสดุอินทรีย์โรยกลบปากบ่อ เช่น แกลบ ขี้เถ้า ขุยมะพร้าว เศษใบไม้ ปุ๋ยหมัก และมูลโค เป็นต้น ทั้งนี้ ให้หลีกเลี่ยงการใส่ขี้เถ้าจำนวนมาก เนื่องจากขี้เถ้ามีสารอนินทรีย์ที่เป็นแร่มาก เมื่อละลายน้ำจะให้กรด อาจทำให้รากมะนาว และต้นมะนาวเหี่ยวตายได้ หรือดินมีสภาพเป็นกรดมาก
3. สำหรับต้นมะนาวขนาดเล็กให้ใช้ไม้ไผ่ปักข้างลำต้น พร้อมผูกเชือกรั้งให้ลำต้นตรง ส่วนต้นมะนาวขนาดใหญ่ไม่ต้องรั้งต้นด้วยไม้ก็ได้ หากแต่ต้นมีกิ่งสาขาแผ่กว้างให้ใช้ไม้ไผ่ปักค้ำทั้ง 4 ด้าน
4. เมื่อปลูกเสร็จให้รดน้ำให้ชุ่ม โดยสังเกตน้ำที่ซึมออกบนฝารองด้านล่าง และนำฟางข้าว แกลบหรือเศษใบไม้มากลบบริเวณโคนต้น และปากบ่อทั้งหมด เพื่อรักษาความชุ่มชื้นหน้าดิน
1. จัดวางฝาปิดบ่อซีเมนต์ในระยะห่างระหว่างแถว และระหว่างต้นในระยะ 2-4 x 2-4 เมตร พร้อมนำบ่อซีเมนต์วางทับด้านบน 1 ไร่ จะได้ประมาณ 100-400 ต้น ตามระยะที่ใช้
2. นำดินที่ผสมแล้วใส่ในกระถาง ให้ระดับดินต่ำกว่าขอบบ่อประมาณ 10 เซนติเมตร ให้ใส่ดินประมาณ 2 ใน 3 ของบ่อ แล้วนำต้นมะนาวลงบ่อ แล้วจึงใส่ดินกลบทีหลังหรืออาจใส่ดินให้ได้ระดับก่อนค่อยขุดหลุมปลูกทีหลังก็ได้ โดยนำถุงพลาสติกหรือกระถางออกก่อนปลูกทุกครั้ง หลังจากนั้นกลบหน้าดินใหแน่นพอประมาณ พร้อมนำวัสดุอินทรีย์โรยกลบปากบ่อ เช่น แกลบ ขี้เถ้า ขุยมะพร้าว เศษใบไม้ ปุ๋ยหมัก และมูลโค เป็นต้น ทั้งนี้ ให้หลีกเลี่ยงการใส่ขี้เถ้าจำนวนมาก เนื่องจากขี้เถ้ามีสารอนินทรีย์ที่เป็นแร่มาก เมื่อละลายน้ำจะให้กรด อาจทำให้รากมะนาว และต้นมะนาวเหี่ยวตายได้ หรือดินมีสภาพเป็นกรดมาก
3. สำหรับต้นมะนาวขนาดเล็กให้ใช้ไม้ไผ่ปักข้างลำต้น พร้อมผูกเชือกรั้งให้ลำต้นตรง ส่วนต้นมะนาวขนาดใหญ่ไม่ต้องรั้งต้นด้วยไม้ก็ได้ หากแต่ต้นมีกิ่งสาขาแผ่กว้างให้ใช้ไม้ไผ่ปักค้ำทั้ง 4 ด้าน
4. เมื่อปลูกเสร็จให้รดน้ำให้ชุ่ม โดยสังเกตน้ำที่ซึมออกบนฝารองด้านล่าง และนำฟางข้าว แกลบหรือเศษใบไม้มากลบบริเวณโคนต้น และปากบ่อทั้งหมด เพื่อรักษาความชุ่มชื้นหน้าดิน
การดูแล
การให้น้ำ หากปลูกไม่กี่ต้นก็สามารถให้น้ำด้วยการตักรดก็ได้ แต่หากปลูกหลายต้นหรือเพื่อการค้าอาจติดตั้งระบบน้ำหยดเพื่อให้น้ำง่าย และสะดวกกว่า โดยระยะแรกจะให้ทุกวัน และเมื่อต้นมะนาวตั้งตัวได้แล้วจะให้วันเว้นวันก็ได้ขึ้นอยู่กับสภาพหน้าดิน และสภาพอากาศ
การให้น้ำ หากปลูกไม่กี่ต้นก็สามารถให้น้ำด้วยการตักรดก็ได้ แต่หากปลูกหลายต้นหรือเพื่อการค้าอาจติดตั้งระบบน้ำหยดเพื่อให้น้ำง่าย และสะดวกกว่า โดยระยะแรกจะให้ทุกวัน และเมื่อต้นมะนาวตั้งตัวได้แล้วจะให้วันเว้นวันก็ได้ขึ้นอยู่กับสภาพหน้าดิน และสภาพอากาศ
นอกจากนั้น หากมีการให้น้ำแบบสปริงเกอร์แล้ว เกษตรกรมักนิยมปลูกผักแซมบริเวณรอบต้นมะนาวร่วมด้วย
การใส่ปุ๋ย ให้ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ประมาณ 1-2 กำมือ ทุกๆ 3-4 เดือน/ครั้ง หรืออาจผสมกับน้ำรดบริเวณโคนต้นก็ได้ ทั้งนี้ แนะนำให้หลีกเลี่ยงการใส่ปุ๋ยเคมี ให้ใส่เฉพาะในช่วงบังคับการออกดอกหรือระยะออกดอกติดผลเท่านั้น ส่วนปุ๋ยคอกให้ใส่ 1 ถังเล็ก ทุกๆ 3 เดือน และให้ดีควรรดน้ำร่วมกับการละลายปุ๋ยคอกร่วมด้วย
การตัดแต่งกิ่ง ควรตัดแต่งกิ่งให้มีทรงพุ่มเสมอกันในทุกด้าน โดยให้ตัดแต่งกิ่งที่ยาวหรือยื่นออกนอกทรงพุ่มมากเกินไป หรือกิ่งที่เป็นโรคไม่เจริญเติบโตทิ้งเสีย
การเด็ดดอก
การเด็ดดอกทิ้งเป็นขั้นตอนเพื่อให้ต้นเติบโต และแตกกิ่งจนกว่าจะมีความพร้อมในการออกดอก และติดผลมะนาว เพราะการปลูกมะนาวในบ่อซีเมนต์จะใช้กิ่งพันธุ์ที่ได้จากการตอนกิ่ง หรือการติดตา ซึ่งจะติดดอกต่อเนื่องหลังการปลูกเพียงไม่กี่เดือนหลังการปลูก แต่ช่วงแรกต้นจะัยังเล็ก และมีกิ่งน้อย จึงไม่ควรให้ติดดอก และผลในระยะนี้
การเด็ดดอกทิ้งเป็นขั้นตอนเพื่อให้ต้นเติบโต และแตกกิ่งจนกว่าจะมีความพร้อมในการออกดอก และติดผลมะนาว เพราะการปลูกมะนาวในบ่อซีเมนต์จะใช้กิ่งพันธุ์ที่ได้จากการตอนกิ่ง หรือการติดตา ซึ่งจะติดดอกต่อเนื่องหลังการปลูกเพียงไม่กี่เดือนหลังการปลูก แต่ช่วงแรกต้นจะัยังเล็ก และมีกิ่งน้อย จึงไม่ควรให้ติดดอก และผลในระยะนี้
การ เด็ดดอกนั้น จะทำการเด็ดดอกทิ้งจนกว่าต้นจะมีอายุตั้งแต่ 6-8 เดือน จนมีลำต้น และจำนวนกิ่งพร้อมก่อน และหลังจากนั้น ค่อยปล่อยให้มะนาวติดดอก และผลสำหรับการเก็บผลผลิตครั้งแรก
การบังคับให้ออกลูกนอกฤดู
โดยปกติมะนาวจะติดดอกในช่วงเดือน มีนาคม-เมษายน และจะเก็บผลผลิตในช่วงเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไปจนถึงเดือนตุลาคม ตามขนาดที่ต้องการในช่วงนี้จะทำให้มะนาวมีราคาถูกมาก แต่จะแพงมากในช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน ดังนั้น การบังคับให้มะนาวออกลูกในช่วงพฤศจิกายน-เมษายน จะขายมะนาวได้ในราคาที่สูงขึ้นมาก
โดยปกติมะนาวจะติดดอกในช่วงเดือน มีนาคม-เมษายน และจะเก็บผลผลิตในช่วงเดือนพฤษภาคมเป็นต้นไปจนถึงเดือนตุลาคม ตามขนาดที่ต้องการในช่วงนี้จะทำให้มะนาวมีราคาถูกมาก แต่จะแพงมากในช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน ดังนั้น การบังคับให้มะนาวออกลูกในช่วงพฤศจิกายน-เมษายน จะขายมะนาวได้ในราคาที่สูงขึ้นมาก
สำหรับการทำให้มะนาวออกลูกนอกฤดู สามารถทำได้โดยงดการให้น้ำ และการตัดแต่งกิ่ง โดยมะนาวจะออกดอกเมื่อมีการแดกกิ่งใหม่ และออกใบใหม่ ซึ่งมีขั้นตอนดังนี้
1. เลือกต้นมะนาวที่มีอายุตั้งแต่ 8-12 เดือน (ต้นที่ปลูกจากต้นตอนอายุตั้งแต่ 1 ปี และหลังจากปลูกในท่อซีเมนต์แล้ว 8 เดือนขึ้นไป)
2. ให้เลือกกิ่งแก่หรือกิ่งที่มีใบแก่แล้ว และทำการตัดแต่งกิ่ง
3. งดการให้น้ำมะนาวเป็นเวลา 7-10 วัน จนใบเหี่ยวหรือเริ่มร่วง หากในช่วงดังกล่าวมีแนวโน้มที่ฝนจะตกให้ใช้ผ้าใบพลาสติกคลุมคอบปากท่อทั้ง หมด
4. หลังจากงดให้น้ำประมาณ เวลา 7-10 วัน จะสังเกตุใบแก่จะเริ่มเหี่ยวหรือมีใบร่วง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพความชุ่มชื้นของดินด้วย
5. ทำการให้น้ำ ร่วมกับปุ๋ยสูตร 12-12-24 ประมาณ 1-2 กำมือ/ต้น
6. มะนาวจะแตกกิ่ง และออกใบใหม่ประมาณ 15-20 วัน พร้อมแตกดอก โดยในระยะแตกใบใหม่ และออกดอกให้ฉีดด้วยน้ำหมักหรือน้ำต้มสมุนไพรเพื่อป้องกันหนอนหรือแมลงกินใบ อ่อนหรือฉีดพ่นด้วยยากำจัดแมลง
7. ให้น้ำปกติ วันละครั้งหรือวันเว้นวันจนถึงการเก็บเกี่ยวผลิต
1. เลือกต้นมะนาวที่มีอายุตั้งแต่ 8-12 เดือน (ต้นที่ปลูกจากต้นตอนอายุตั้งแต่ 1 ปี และหลังจากปลูกในท่อซีเมนต์แล้ว 8 เดือนขึ้นไป)
2. ให้เลือกกิ่งแก่หรือกิ่งที่มีใบแก่แล้ว และทำการตัดแต่งกิ่ง
3. งดการให้น้ำมะนาวเป็นเวลา 7-10 วัน จนใบเหี่ยวหรือเริ่มร่วง หากในช่วงดังกล่าวมีแนวโน้มที่ฝนจะตกให้ใช้ผ้าใบพลาสติกคลุมคอบปากท่อทั้ง หมด
4. หลังจากงดให้น้ำประมาณ เวลา 7-10 วัน จะสังเกตุใบแก่จะเริ่มเหี่ยวหรือมีใบร่วง ทั้งนี้ ขึ้นอยู่กับสภาพความชุ่มชื้นของดินด้วย
5. ทำการให้น้ำ ร่วมกับปุ๋ยสูตร 12-12-24 ประมาณ 1-2 กำมือ/ต้น
6. มะนาวจะแตกกิ่ง และออกใบใหม่ประมาณ 15-20 วัน พร้อมแตกดอก โดยในระยะแตกใบใหม่ และออกดอกให้ฉีดด้วยน้ำหมักหรือน้ำต้มสมุนไพรเพื่อป้องกันหนอนหรือแมลงกินใบ อ่อนหรือฉีดพ่นด้วยยากำจัดแมลง
7. ให้น้ำปกติ วันละครั้งหรือวันเว้นวันจนถึงการเก็บเกี่ยวผลิต
การปลูกมะนาวให้ลูกดกอย่างต่อเนื่อง และมีอายุหลายปี
1. การคัดเลือกกิ่งพันธุ์
กิ่งพันธุ์มะนาวที่ใช้ปลูกในกระถาง หากต้องการย่นระยะเวลาการเก็บผลให้เร็วขึ้นควรใช้กิ่งพันธุ์ขนาดใหญ่ที่มีการอนุบาลนาน 8 เดือน – 1 ปี ขึ้นไปแต่หากใช้กิ่งพันธุ์ที่ได้จากการตอนอาจต้องใช้ระยะเวลานานขึ้นกว่าจะให้ผลผลิต ทั้งนี้ กิ่งพันธุ์ที่เลือกควรเป็นกิ่งพันธุ์ที่มีความสมบุรณ์ ไม่มีรอยโรค กิ่ง และใบดก ซึ่งการคัดเลือกกิ่งพันธุ์ที่ดีจะช่วยให้ต้นมะนาวเติบโตให้ผลอย่างต่อเนื่อง และมีอายุนานหลายปี
1. การคัดเลือกกิ่งพันธุ์
กิ่งพันธุ์มะนาวที่ใช้ปลูกในกระถาง หากต้องการย่นระยะเวลาการเก็บผลให้เร็วขึ้นควรใช้กิ่งพันธุ์ขนาดใหญ่ที่มีการอนุบาลนาน 8 เดือน – 1 ปี ขึ้นไปแต่หากใช้กิ่งพันธุ์ที่ได้จากการตอนอาจต้องใช้ระยะเวลานานขึ้นกว่าจะให้ผลผลิต ทั้งนี้ กิ่งพันธุ์ที่เลือกควรเป็นกิ่งพันธุ์ที่มีความสมบุรณ์ ไม่มีรอยโรค กิ่ง และใบดก ซึ่งการคัดเลือกกิ่งพันธุ์ที่ดีจะช่วยให้ต้นมะนาวเติบโตให้ผลอย่างต่อเนื่อง และมีอายุนานหลายปี
2. การผสมวัสดุปลูก
วัสดุสำหรับการปลูกมะนาวในบ่อซีเมนต์ควรมีการผสมระหว่างดินกับวัสดุทางการเกษตร เช่น ปุ๋ยคอก และมูลสัตว์ต่างๆ ปุ๋ยหมัก แกลบ ขี้เถ้า ขี้เลื่อย เป็นต้น ซึ่งจะเป็นการเพิ่มอินทรีย์วัตถุในดิน ทำให้ดินร่วนซุย ดินเก็บความชื้นได้ดี และเป็นการเพิ่มธาตุอาหารให้แก่ต้นมะนาวอย่างต่อเนื่อง
วัสดุสำหรับการปลูกมะนาวในบ่อซีเมนต์ควรมีการผสมระหว่างดินกับวัสดุทางการเกษตร เช่น ปุ๋ยคอก และมูลสัตว์ต่างๆ ปุ๋ยหมัก แกลบ ขี้เถ้า ขี้เลื่อย เป็นต้น ซึ่งจะเป็นการเพิ่มอินทรีย์วัตถุในดิน ทำให้ดินร่วนซุย ดินเก็บความชื้นได้ดี และเป็นการเพิ่มธาตุอาหารให้แก่ต้นมะนาวอย่างต่อเนื่อง
3. การคลุมหน้าดิน และการปล่อยไส้เดือนดิน
หลังจากปลูกมะนาวเสร็จจำเป็นต้องหาวัสดุสำหรับการคลุมหน้าดิน เช่น แกลบ ฟางข้าว เศษใบไม้ เป็นต้น ซึ่งจะเป็นการช่วยให้ความชื้นดินในบ่อซีเมนต์ไม่สูญเสียง่าย ส่วนการปล่อยไส้เดือนดินถือเป็นการเพิ่มอัตราการย่อยสลายอินทรีย์วัตถุจากการย่อยกินอินทรีย์วัตถุในดิน ทั้งนี้ การที่ดินมีอินทรีย์วัตถุ และมีอัตราการปล่อยสารอาหารในดินที่เหมาะสมจะช่วยส่งเสริมการเติบโต และยืดอายุของต้นมะนาวได้ดี
หลังจากปลูกมะนาวเสร็จจำเป็นต้องหาวัสดุสำหรับการคลุมหน้าดิน เช่น แกลบ ฟางข้าว เศษใบไม้ เป็นต้น ซึ่งจะเป็นการช่วยให้ความชื้นดินในบ่อซีเมนต์ไม่สูญเสียง่าย ส่วนการปล่อยไส้เดือนดินถือเป็นการเพิ่มอัตราการย่อยสลายอินทรีย์วัตถุจากการย่อยกินอินทรีย์วัตถุในดิน ทั้งนี้ การที่ดินมีอินทรีย์วัตถุ และมีอัตราการปล่อยสารอาหารในดินที่เหมาะสมจะช่วยส่งเสริมการเติบโต และยืดอายุของต้นมะนาวได้ดี
4. การให้น้ำ ให้ปุ๋ย และการดูแลอื่นๆ
การให้น้ำนิยมให้โดยระบบน้ำหยด ความถี่ 1-2 ครั้ง/วัน ในปริมาณที่หน้าดินในระยะ 10-15 เซนติเมตร มีความชุ่มชื้นเท่านั้น ส่วนการใส่ปุ๋ย แนะนำให้เลือกใช้ปุ๋ยคอกเป็นหลัก และให้ปุ๋ยเคมีเฉพาะในระยะการเร่งออกผลนอกฤดูเท่านั้น โดยกาให้ปุ๋ยคอกแนะนำให้โรยหน้าบ่อซีเมนต์ทุก 2-3 เดือนในปริมาณที่ไม่ต้องมากนัก ร่วมกับการนำปุ๋ยคอกแช่น้ำ และให้น้ำแก่ต้นมะนาวอีกทางซึ่งเป็นการให้ปุ๋ย และน้ำร่วมกันอีกครั้ง
การให้น้ำนิยมให้โดยระบบน้ำหยด ความถี่ 1-2 ครั้ง/วัน ในปริมาณที่หน้าดินในระยะ 10-15 เซนติเมตร มีความชุ่มชื้นเท่านั้น ส่วนการใส่ปุ๋ย แนะนำให้เลือกใช้ปุ๋ยคอกเป็นหลัก และให้ปุ๋ยเคมีเฉพาะในระยะการเร่งออกผลนอกฤดูเท่านั้น โดยกาให้ปุ๋ยคอกแนะนำให้โรยหน้าบ่อซีเมนต์ทุก 2-3 เดือนในปริมาณที่ไม่ต้องมากนัก ร่วมกับการนำปุ๋ยคอกแช่น้ำ และให้น้ำแก่ต้นมะนาวอีกทางซึ่งเป็นการให้ปุ๋ย และน้ำร่วมกันอีกครั้ง
5. การตัดแต่งกิ่ง
การตัดแต่งกิ่งถือเป็นขั้นตอนหนึ่งที่สำคัญในการบังคับมะนาวให้ออกลูกนอกฤดู และเป็นการจำกัดขนาดจำนวนกิ่ง และขนาดทรงพุ่มให้เหมาะสม เพราะหากจำนวนกิ่งมากจะมีผลต่อการขยายจำนวนรากตามจำนวนกิ่ง และขนาดของลำต้น ทำให้ต้นมะนาวดึงธาตุอาหารจากดินไปใช้ในอัตราที่เร็วขึ้น ดินขาดธาตุอาหารเร็ว ส่งผลต่ออายุของต้นมะนาวตามมา
การตัดแต่งกิ่งถือเป็นขั้นตอนหนึ่งที่สำคัญในการบังคับมะนาวให้ออกลูกนอกฤดู และเป็นการจำกัดขนาดจำนวนกิ่ง และขนาดทรงพุ่มให้เหมาะสม เพราะหากจำนวนกิ่งมากจะมีผลต่อการขยายจำนวนรากตามจำนวนกิ่ง และขนาดของลำต้น ทำให้ต้นมะนาวดึงธาตุอาหารจากดินไปใช้ในอัตราที่เร็วขึ้น ดินขาดธาตุอาหารเร็ว ส่งผลต่ออายุของต้นมะนาวตามมา
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น